ยุคนี้ ใครยังบ้านั่งฟังซีดีและแผ่นเสียงอยู่อีก?

ผมครับ ชอบด้วย

ในโลกเราทุกวันนี้ที่สตรีมมิ่งจาก Spotify, Youtube, หรือ Apple Music สะดวกอยู่เพียงแค่ปลายนิ้ว ทำไมยังมีคนที่บ้ามานั่งเปิดเพลงฟังจากซีดีและแผ่นเสียงโบราณอย่างนี้อีก?

ใช่ แผ่นพวกนี้กินที่ในการเก็บอย่างมาก

ใช่ แผ่นพวกนี้เราเสียเงินไปซื้อมา

และใช่ เราต้องลุกขึ้นจากที่นั่งสบายๆ เพื่อไปหยิบเพลงมาเปิด (และต้องลุกไปเปลี่ยนแผ่นอีก!)

แล้วฟังไปทำไมเนี่ย???

แต่ก้อมีบางอย่างที่การฟังเพลงจากสื่อโบราณคร่ำครึเหล่านี้ให้ความสุขแบบที่สตรีมมิ่งไม่สามารถให้ได้ครับ

 

#1 เพราะรักต้องสัมผัส

การนั่งค้นหาแผ่นในชั้นสะสมแผ่นของเรา นั่งคิดว่าอยากฟังเพลงอะไรดี และหยิบแผ่นที่เลือกมาอย่างดีออกมาเปิดในช่วงเย็นหลังจากวันที่แสนยาวนานและทรหด นี่เป็นช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกสุดยอดสำหรับคนที่ชอบฟังเพลง เพลงที่เราเปิดไม่ได้เป็นเพียงเพลง background เปิดคลอฟังเล่นๆ แต่เป็นเพลงที่เราใส่ใจเลือกมาและหยิบมาเปิดอย่างตั้งใจ

ผมยังจำได้มีช่วงเวลานึงที่ผมต้องย้ายบ้านและไม่สามารถเอาแผ่นที่มีไปด้วยได้ ผมเลยมี ipod เป็นตัวช่วยชีวิต (ถ้าไม่ได้ฟังเพลงคงอยู่มาไม่ถึงวันนี้) ผมยังจำได้อย่างดีวันที่ผมกลับมาเปิดแผ่นที่ผมมี ผมตั้งใจหยิบแผ่น Heartfelt ของ Fourplay มาเปิด

โอ้โห! ทำไมเพลง Galaxia ฟังคราวนี้ถึงเพราะขนาดนี้???

ชุดฟังเพลงผมไม่ได้เริ่ดหรูอะไร แต่เพลงที่ฟังวันนั้นมันเพราะมาก....

ใช่ คุณภาพเสียงของซีดีย่อมดีกว่า MP3 แต่การที่ได้หยิบแผ่นที่จับต้องได้ออกมาใส่เครื่องเพื่อเปิดฟังวันนั้นให้ความรู้สึกพิเศษที่มากกว่าคุณภาพเสียง เพราะรักมันต้องสัมผัสครับ (อ่านแล้วอย่าลืมไปกอดคนที่รักด้วยนะครับ)

 

#2 ความสุขแบบได้ทันทีมันก้อดี แต่การรอคอยยิ่งเพิ่มความฟิน

แน่นอนครับ สตรีมมิ่งนั้นสะดวกมาก เราสามารถเลือกฟังเพลงได้เป็นนับล้านจากเพียงแค่กดโดยปลายนิ้วของเรา และเราก้อฟังได้เลย ไม่ต้องมานั่งรอ แต่การเฝ้ารอบางอย่าง บางครั้งให้ความตื่นเต้นพอๆกับ (หรือบางครั้งมากกว่า) ช่วงเวลาที่เราได้สิ่งๆ นั้นมาอีกนะครับ

ลองนึกถึงตอนที่เราตั้งหน้าตั้งตารอแผ่นโปรดที่เราสั่ง (แน่นอนจาก Restory Music) ให้มาส่ง เราต้องโทรไปถามขนส่งว่าจะมาหรือยัง จะมาหรือยัง เมื่อมาแล้ว เรารีบฉีกกล่องที่ Restory Music แพ็คมาอย่างดี (ขายอีกแล้ว!) และเอาแผ่นโปรดไปเปิดฟัง ช่วงเวลารอคอยนี้ บางครั้งให้ความตื่นเต้นและความสุขพอๆกับตอนที่เรานั่งฟังแผ่นโปรดนั้นของเราเลยนะครับ

 

#3 ความทรงจำดีๆ ถูกซ่อนอยู่ในแผ่น

ทุกครั้งที่ผมหยิบแผ่น New York City ของ Norah Jones มาเปิด ผมจะถูกย้อนเวลากลับไปช่วงที่ผมขับรถข้ามประเทศอเมริกากับเพื่อน ผมเปิดฟังแผ่นนี้ตอนขับอยู่ในรัฐ South Dakota สองข้างทางไม่มีอะไรเลยนอกจากกองฟางและป้ายโฆษณา (เป็นที่มีป้ายโฆษณาเยอะที่สุดในประเทศ) ทุกวันนี้ภาพนั้นยังกลับมาพร้อมกับซ๊ดีแผ่นนี้

และตอนที่เปิดแผ่น Matt Bianco – Matt’s Mood II ผมจะนึกถึงความบ้าของผมที่รีบขับรถจาก Boston ไป New York City หลังสอบเสร็จเพื่อไปฟังวงนี้มาแสดงสด ฟังเสร็จก้อขับกลับคืนนั้นเลย ช่วงนั้นชอบอัลบั้มนี้เป็นชีวิตจิตใจ มีคอนเสิร์ตต้องไปฟังให้ได้ เรื่องนอนมาทีหลัง

หรือแผ่น Collision Course โดย Jay-Z & Linkin Park ของผมตอนนี้สภาพดูไม่ได้เลย แต่ทุกครั้งที่หยิบแผ่นนี้ออกจากปกกระดาษเยินๆ และเอามาเปิด ผมก้อยังมันส์กับเพลง Numb/Encore เหมือนตอนเปิดครั้งแรกเพื่อยี่สิบกว่าปีก่อนตอนที่ยังเรียนมหาลัยอยู่

เพราะนอกจากแผ่นเหล่านี้ของเราจะมีเพลงเพราะๆ ให้เราได้เพลินเพลินแล้ว แผ่นพวกนี้ยังมีความทรงจำดีๆ ที่เรามีกับช่วงเวลาตอนที่เราเปิดฟังด้วยครับ ความสุขที่มากับความทรงจำเหล่านี้มีค่าเกินกว่าจะประเมินได้ครับ

 

นอกจากนี้แล้ว ปกของแผ่นเสียงแต่ละอัลบั้มก้อเป็นงานศิลปะชั้นยอด และเล่มของซีดีก้อเล่าเรื่องราวแสนมีค่าของแต่ละศิลปินในการแต่งอัลบั้มนั้นๆ ด้วยครับ

และท้ายที่สุด แผ่นพวกนี้ทำให้เราได้เป็นเจ้าของเพลงที่เราชอบด้วยครับ เราอาจเอาแผ่นพวกนี้ไปด้วยไม่ได้เมื่อวันที่เราจากโลกนี้ไป แต่เราสามารถมีความสุขกับแผ่นพวกนี้ได้ตอนเราอยู่ครับ

 

แล้วพี่ๆละครับ อะไรคือเหตุผลที่ยังฟังแผ่นเพลงหลงยุคพวกนี้อยู่หรือครับ? ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ

← โพสต์เก่า โพสต์ใหม่ →



ทิ้งข้อความไว้